สั่นสะเทือนสังคมจีน: เปิดโปงคดี “เจ๊หงแห่งนานกิง” ชายวัย 38 แปลงโฉมลวงหนุ่มนับพัน สู่กับดักเซ็กส์และคลิปฉาว

ข่าวอาชญากรรมที่กำลังเขย่าขวัญสังคมจีน คือกรณีของ “เจ๊หงแห่งนานกิง” (南京红姐) บุคคลที่เบื้องหน้าคือหญิงข้ามเพศใจดี แต่เบื้องหลังคือชายวัย 38 ปี ผู้ก่อเหตุล่อลวงผู้ชายกว่าพันคนมามีเพศสัมพันธ์ แอบถ่ายคลิปวิดีโอไปขายในโลกออนไลน์ และอาจเชื่อมโยงกับการแพร่เชื้อ HIV คดีนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวอาชญากรรมทางเพศ แต่ยังสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งภัยจากกล้องแอบถ่าย และทัศนคติของสังคมที่มัก “ซ้ำเติมเหยื่อที่เป็นผู้ชาย

ใครคือ “เจ๊หง”? กับดักที่แนบเนียนเกินคาดเดา

ตัวตนที่แท้จริงของ “เจ๊หง” คือชายชาวจีนวัย 38 ปี (ไม่ใช่หญิงชราวัย 60 ตามข่าวลือ) เขาใช้ชีวิตในฐานะหญิงข้ามเพศเต็มรูปแบบ ทั้งการแต่งหน้า ใส่วิก เสริมหน้าอก และฝึกฝนการใช้เสียงจนคนรอบข้างไม่เอะใจ

วิธีการของเขาเริ่มต้นจากการใช้ แอปพลิเคชันหาคู่ สร้างโปรไฟล์เป็น “สาวโสดผู้ต้องการเริ่มต้นใหม่” เมื่อมีเหยื่อติดกับ เขาจะชวนมาที่ห้องพักโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่มีกฎว่า “ห้ามมามือเปล่า” ให้ติดของเล็กๆ น้อยๆ เช่น ผลไม้หรือนมมาด้วย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและทำลายกำแพงความระแวง

เมื่อเหยื่อมาถึง “เจ๊หง” จะใช้กลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่เรียกว่า “ไหนๆ ก็มาแล้ว” โดยให้เหยื่ออาบน้ำก่อนเพื่อผ่อนคลาย จากนั้นจะเริ่มปรนเปรอด้วยการออรัลเซ็กส์ ทำให้เหยื่อเคลิบเคลิ้ม แม้บางคนจะเริ่มตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย แต่ด้วยสถานการณ์ที่พาไป จึงเลือกที่จะ “ปล่อยเลยตามเลย” เพราะไม่อยากเสียเที่ยว

อ่านบทความ รับจำนำไอคราว

จากคลิปหลุดสู่การจับกุม และปัญหาสุขภาพที่ตามมา

เรื่องราวทั้งหมดแดงขึ้นเมื่อคลิปวิดีโอที่ “เจ๊หง” แอบติดตั้งกล้องถ่ายไว้ ถูกนำไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ใต้ดินและกลุ่มแชทปิด คลิปที่คมชัดทั้งภาพและเสียงมียอดเข้าชมถล่มทลายจนกลายเป็นไวรัลในที่สุด ส่งผลให้เหยื่อจำนวนมากถูกเปิดเผยตัวตน ทั้งนักศึกษา เทรนเนอร์ พนักงานออฟฟิศ หรือแม้แต่นักกีฬา ซึ่งสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและชีวิตส่วนตัวอย่างหนัก

ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น คือมีรายงานว่า ผู้ชาย 3 รายที่เคยมีความสัมพันธ์กับเจ๊หง ตรวจพบเชื้อ HIV ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อยืนยันแหล่งที่มาของการติดเชื้อ

ในที่สุด ตำรวจได้เข้าจับกุม “เจ๊หง” เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ในข้อหาเบื้องต้นคือ “เผยแพร่สื่อลามกอนาจาร”

เสียงสะท้อนสังคม: เมื่อ “เหยื่อผู้ชาย” ไม่น่าเห็นใจ?

คดีนี้ได้จุดประเด็นถกเถียงในสังคมจีนอย่างดุเดือด โดยเฉพาะทัศนคติที่มีต่อ “เหยื่อที่เป็นผู้ชาย” แทนที่จะได้รับความเห็นใจ เหยื่อจำนวนมากกลับถูกสังคมด่าทอและซ้ำเติมด้วยถ้อยคำรุนแรง เช่น “พวกใช้ช่วงล่างนำชีวิต” หรือเชื่อมโยงว่าเป็น “พวกเกย์ที่นำแต่โรคมาให้”

ปรากฏการณ์นี้ชี้ให้เห็นว่าสังคมยังขาดความเข้าใจว่า ผู้ชายก็สามารถตกเป็นเหยื่อของการล่วงละเมิดทางเพศได้เช่นกัน แต่กลับไม่กล้าแสดงตัวเพราะกลัวจะถูกมองว่าอ่อนแอ ขณะเดียวกัน ในโลกโซเชียลก็เกิดกระแสดราม่าที่ผู้หญิงจำนวนมากออกมาโพสต์เตือนภัยและเสียดสีฝ่ายชายอย่างรุนแรง

บทเรียนราคาแพงและสิ่งที่สังคมต้องตระหนัก

คดีของ “เจ๊หงแห่งนานกิง” เป็นมากกว่าข่าวอาชญากรรม แต่เป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนปัญหาในหลายมิติ:

  1. ภัยจากกล้องแอบถ่าย: เทคโนโลยีทำให้กล้องมีขนาดเล็กและซ่อนได้ง่าย กลายเป็น “โรคระบาด” ที่คุกคามความเป็นส่วนตัวของผู้คน ไม่ต่างจากที่เคยเกิดขึ้นในเกาหลีใต้
  2. ความปลอดภัยในแอปหาคู่: การนัดเจอบุคคลแปลกหน้าจากโลกออนไลน์มีความเสี่ยงสูงเสมอ
  3. เหยื่อคือเหยื่อ ไม่ว่าเพศใด: สังคมต้องเปลี่ยนทัศนคติและให้การยอมรับว่าทุกคนสามารถเป็นเหยื่อได้ พร้อมทั้งสร้างพื้นที่ปลอดภัยและมีกฎหมายคุ้มครองอย่างเท่าเทียม
  4. สิทธิในเนื้อตัวและข้อมูลส่วนบุคคล: ในยุคดิจิทัล การปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวคือเรื่องสำคัญระดับชาติที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างจริงจัง

Similar Posts

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *